Health

  • ตาบอดสี มีอาการแบบไหนและเกิดจากอะไร
    ตาบอดสี มีอาการแบบไหนและเกิดจากอะไร

    ตาบอดสี มีอาการแบบไหนและเกิดจากอะไร

    ตาบอดสี คืออะไร ?

    โรคตาบอดสี (Color Blindness) เป็นภาวะพร่องการมองเห็นสี ผู้ที่มีอาการตาบอดสีจะมีการมองเห็นสีบางสีได้ไม่ชัดเจนหรือผิดเพี้ยนไปจากผู้มีสายตาปกติ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นตาบอดสีจะยังคงมองเห็นภาพได้ชัดเจน แต่เห็นสีต่างๆ ผิดจากคนปกติ​ สีที่คนตาบอดสีเห็นจะกลายเป็นโทนสีเทาทั้งหมด และสีของภาพอาจมีการมองเห็นสลับสีกัน ได้แก่ ระหว่างสีเขียวกับสีน้ำเงิน สีแดงกับสีดำ สีเหลืองกับสีขาว บางรายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความไวต่อแสงของดวงตาอีกด้วย

    ตาบอดสี เกิดจากอะไร?

    สาเหตุของการเกิดโรคตาบอดสีนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เป็นได้ตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นได้ในภายหลัง ดังนี้

    กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุหลักของตาบอดสีได้มากที่สุด หากบุคคลที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นตาบอดสีจะส่งต่อพันธุกรรมไปยังรุ่นต่อไปโดยการถ่ายทอดผ่านยีนด้อยบนโครโมโซมเพศชนิดเอ็กซ์ (Chromosome X) ซึ่งยีนโครโมโซมเพศนี้จะมีหน้าที่ในการกำหนดเพศชายหรือเพศหญิง โดยโครโมโซมเพศชายจะเป็นเอ็กซ์วาย (Chromosome XY) และเพศหญิงเป็นเอ็กซ์เอ็กซ์ (Chromosome XX) เมื่อตาบอดสีเป็นการถ่ายทอดผ่านบนโครโมโซมเอ็กซ์ จึงทำให้สามารถพบตาบอดสีในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิงในรุ่นลูก ในขณะที่เพศหญิงอาจเป็นเพียงพาหะที่สามารถถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติไปสู่ลูกหลานได้แทน นอกจากนี้ยังอาจเกิดการถ่ายทอดทางพันธุกรรมข้ามรุ่นได้ เช่น ตาเป็นตาบอดสี มารดาอาจเป็นพาหะ และพบตาบอดสีในหลานชายแทน

    สาเหตุอื่น ในบางราย ตาบอดสีอาจเกิดได้จากสภาวะบางอย่างของร่างกาย เช่น

    • อายุที่เพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ได้ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น
    • โรคเกี่ยวกับด้านดวงตาหรือการบาดเจ็บบริเวณจอตา เช่น โรคต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา
    • โรคอื่นๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเบาหวาน หรือโรคพาร์กินสัน
    • ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด
    • การได้รับสารเคมีบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น คาร์บอนไดซัลไฟด์หรือสไตรีน อาจส่งผลต่อการสูญเสียการมองเห็นสี

    อาการของโรคตาบอดสี

    แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

    1. ระดับน้อย สีภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนคนทั่วไป แต่สามารถบอกได้ว่าน่าจะเป็นสีอะไร
    2. ระดับปานกลาง ความสามารถในการแยกสีน้อยลง
    3. ระดับรุนแรง เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวกับดำ ซึ่งระดับนี้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก

    วิธีการทดสอบตาบอดสี

    ผู้ที่ต้องการตรวจว่าเป็นโรคตาบอดสีหรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาจากจักษุแพทย์ ซึ่งวิธีวินิจฉัยโรคตาบอดสีมีอยู่หลายวิธี แตกต่างกันไป ได้แก่ แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates), แบบทดสอบเคมบริดจ์ (Cambridge color test), การทดสอบด้วยเครื่อง Anomaloscope เป็นต้น

    แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates) เป็นวิธีการทดสอบที่พบได้มากและได้รับความนิยมมากที่สุด จัดเป็นการตรวจในระดับคัดกรอง (Screening) เพื่อดูว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะตาบอดสีหรือไม่ โดยผู้เข้ารับการตรวจจะได้ดูแผ่นภาพหรือแผ่นกระดาษหลายๆ หน้า โดยจุดสีที่ใช้จะเป็นสีที่คนตาบอดสีมักสับสน ถ้าสามารถอ่านและลากเส้นได้ถูกต้องทั้งหมดก็ถือว่าตาปกติ แต่ในคนตาบอดสีแดงซึ่งจะสับสนระหว่างสีแดงและสีน้ำเงินอมเขียว ถ้ามีตัวเลขสีแดงบนพื้นสีน้ำเงินอมเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นตัวเลขบนแผ่นทดสอบที่ซ่อนอยู่

    การวินิจฉัยตาบอดสี

    แพทย์หรือจักษุแพทย์จะวินิจฉัยผู้ป่วยโดยใช้แผ่นภาพทดสอบตาบอดสี เพื่อดูความสามารถในการแยกแยะสี ซึ่งรูปแบบแผ่นภาพที่ใช้ทดสอบมีอยู่หลากหลายประเภท แต่แผ่นทดสอบตาบอดสีที่นิยมใช้จะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่

    • แผ่นภาพอิชิฮะระ (Ishihara) ในแต่ละภาพจะมีจุดสีที่ต่างกัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยมองหาตัวเลขบนแผ่นภาพนั้นๆ หากผู้ที่เป็นตาบอดสีจะไม่สามารถบอกตัวเลขจากภาพได้ถูกต้อง วิธีนี้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถบอกได้ถึงระดับความรุนแรงของตาบอดสี
    • การเรียงเฉดสี (Color Arrangement) ผู้ป่วยจะต้องไล่เฉดสีที่กำหนดมาให้ โดยต้องไล่เฉดสีที่คล้ายกันให้อยู่ใกล้กันได้อย่างถูกต้อง หากผู้ป่วยเป็นตาบอดสีจะเกิดความสับสนในการเรียงสีให้ถูกต้อง

    ตาบอดสี

    วิธีการทดสอบตาบอดสีโดยแผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates)

    IMAGE SOURCE : thechromologist.com

    ตาบอดสีกับผลกระทบในชีวิตประจำวัน

    ในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยตาบอดสีอาจมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปบ้าง ซึ่งอาจเกิดความยุ่งยากในการตัดสินใจเกี่ยวกับเลือกสีของสิ่งของอยู่บ้าง ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีมีหลายประเภท อาจจะมองไม่เห็นหรือจำแนกสีหนึ่งออกจากอีกสีได้ยาก เช่น สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีเหลือง ทำให้สีที่เห็นผิดเพี้ยนไป หรือในคนที่ตาบอดทุกสีหรือตาบอดสีระดับรุนแรง จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นสีขาวดำ ตาบอดสีส่งผลกระทบอย่างไรในแต่ละอาชีพ?

    • วัยเด็ก – วัยเรียน มีผลกระทบต่อเรื่องของการเรียนศิลปะ การประเมินพัฒนาการด้านภาษา และพัฒนาการในการเรียนรู้
    • งานที่ผู้ทึ่มีภาวะตาบอดสีควรหลีกเลี่ยงได้แก่ งานด้านเคมี จิตรกร นักบิน ช่างอิเทคโทรนิกส์ หรืองานที่ต้องมีการใช้สีเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสิ่งต่างๆ
    • ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีสามารถสอบใบขับขี่ได้ หากสามารถบอกความแตกต่างของสัญญาณไฟจราจรได้อย่างถูกต้อง และผ่านเกณฑ์ประเมินอื่นๆ

    ตาบอดสีรักษาได้ไหม และเกิดภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสีหรือไม่

    สำหรับผู้ที่เป็นตาบอดสีโดยกรรมพันธุ์ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้ โดยหากผู้ป่วยทราบว่าตนเองเป็นตาบอดสีแต่กรรมพันธุ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกันการเกิดภาวะตาบอดสีในเครือญาติ ในกรณีที่ไม่เป็นตาบอดสีแต่กำเนิด ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุการเกิดตาบอดสี เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

    จักษุแพทย์อาจมีการแนะนำให้ผู้ป่วยตาบอดสี สวมแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ที่มีเลนส์กรองแสงบางสีออกไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้ชัดขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้เหมือนคนปกติ

    ผู้ที่เป็นตาบอดสี สามารถทำเลสิคได้ (LASIK) ได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีสภาวะตาปกติทั่วไป แต่การรักษาด้วยวิธีการทำเลสิค เป็นการรักษาอาการสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียงเท่านั้น ไม่สามารถช่วยรักษาโรคตาบอดสีได้

    การตรวจิวินิจฉัยโรคตาบอดสี ควรตรวจคัดกรองตาบอดสีตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแนะนำที่อายุ 4 บวขครึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะช็อคเมื่อตนเองตาบอดสี ซึ่งจะทำให้เกิดช้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินชีวิต และการพบว่าเป็นโรคตาบอดสีได้เร็ว จะช่วยในการวางแผนการรักษาและวางแผนการใช้ชีวิตได้ดี

    ภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสี

    ตาบอดสีแทบไม่พบภาวะแทรกซ้อน แต่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง โดยเฉพาะอาชีพในบางลักษณะที่ต้องอาศัยการแยกและจดจำสีในการทำงาน เช่น พนักงานขับรถ นักบิน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการประจำโรงพยาบาลและเภสัชกร หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในการเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก

    3 เคล็ดลับ การสอบใบขับขี่สำหรับคนตาบอดสี

    การสอบใบขับขี่ในประเทศไทยสำหรับคนตาบอดสี นับว่ายังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ บางขนส่งก็อะลุ่มอล่วย บางขนส่งก็เข้มงวด จะดีกว่ามั้ยถ้ามีเคล็ดลับในการพิชิตใบขับขี่ฉบับคนตาบอดสี ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลยถ้าเดินตามแผนนี้

    1.ต้องแยกสัญญาณไฟจราจรได้

    ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการทำใบขับขี่เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าดูไฟจราจรไม่ออกนั่นหมายถึงเรามีความเสี่ยงในการขับขี่ และนำไปสู่อุบัติเหตุในท้องถนนได้ แต่เรื่องที่น่าตลกก็คือ คนตาบอดสีหลายๆ คน สามารถแยกไฟจราจรได้ แต่เมื่อเวลาไปสอบที่ขนส่ง แบบทดสอบปราบเซียนที่จะมาดับฝันเราก็คือ แบบทดสอบ Ishihara ซึ่งเป็นจุดสีหลายๆสีคละกันไป และร้อยเรียงเป็นตัวเลข คนตาบอดสีจะสอบตกกันทุกคน สิ่งสำคัญที่เราต้องทำเมื่อเราเจอแบบทดสอบนี้ก็คือ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ให้เราสอบแยกสีกับสัญญาณไฟจราจรจำลอง ซึ่งมันจะเหมือนกับเราดูไฟจราจรของจริง ไม่มีเฉดสีอื่นมารบกวน

    2. ต้องสามารถทนต่อการโดนปฏิเสธ

    ต้องยอมรับเลยว่าในสังคมไทยทุกวันนี้ยังเข้าใจผิดเรื่องคนตาบอดสีเป็นจำนวนมาก บางคนเข้าใจว่า คนที่ตาบอดสีจะมองภาพเป็นสีขาวดำแต่จริงๆ แล้ว พวกคนตาบอดสี พวกเค้ายังคงมองเห็นสีอยู่ แต่จะแยกสีลำบากในบางเฉดสี ดังนั้นถ้าเรามีอาการตาบอดสีแล้วไปสอบใบขับขี่ จะต้องโดนปฏิเสธไว้ก่อนเลย ต้องทำใจยอมรับให้ได้ และอธิบายพวกเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่า เราขับรถได้ แยกสัญญาณไฟจราจรได้ แต่ไม่อารมณ์เสียตามพวกเค้าไป มนุษย์เราสิ่งที่น่ากลัวพอๆ กับความตายก็คือการโดนสังคมปฏิเสธ ดังนั้นต้องปลงกับเรื่องนี้ให้ได้ และฝ่าฝันกันต่อไป

    3. สอบไปเรื่อยๆ สักวันต้องเป็นวันของเรา

    “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” คำนี้ยังคงใช้ได้กับทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องนี้ วันนี้สอบตกที่ขนส่งจังหวัดนี้ ครั้งหน้ามาใหม่ หรือเปลี่ยนที่แล้วก็ขอให้พยายามต่อไปอยู่ภายใต้เคล็ดลับเหล่านี้

    ตาบอดสี ยังไม่สามารถป้องกันการเกิดได้อย่างเต็มที่ แต่สามารถเลี่ยงหรือลดโอกาสการเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก โดยควรมีการตรวจคัดกรองตาบอดสีและทดสอบสายตาในเด็กอายุประมาณ 3-5 ขวบ หรือเด็กควรได้รับการตรวจสายตาอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนเข้าโรงเรียน แต่หากเป็นบุคคลที่มีคนในครอบครัวเป็นตาบอดสี ควรมีการตรวจเช็คสายตาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้ที่ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นตาบอดสี ควรสังเกตความผิดปกติของสายตาตนเองเช่นกัน เนื่องจากตาบอดสีเกิดได้จากสาเหตุอื่น เมื่อสงสัยว่ามีปัญหาทางด้านสายตาหรือการมองเห็นสีที่ผิดปกติไป ควรรีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์ เพื่อค้นหาต้นเหตุความผิดปกติและได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี 

    ที่มา

     

    ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  visitlochewe.com

    สนุนสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • เหตุผลที่ทำให้ ค่าครองชีพ กำลังสูงขึ้นทั่วโลก
    เหตุผลที่ทำให้ ค่าครองชีพ กำลังสูงขึ้นทั่วโลก

    ตั้งแต่การซื้อของไปจนถึงการให้ความอบอุ่นในบ้าน ค่าครองชีพ กำลังสูงขึ้นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกด้วย

    เงินเฟ้อ คือ สภาวะที่ราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะนี้เงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008

    นี่คือเหตุผลที่ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

    1. ราคาน้ำมันและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อ ค่าครองชีพ

    ราคาน้ำมันลดต่ำลงในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ แต่ความต้องการได้พุ่งสูงขึ้นนับจากนั้น และได้แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี แล้ว

    ในสหรัฐฯ ราคาน้ำมันปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่แกลลอนละ 3.31 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 109 บาท) เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 1 ปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 2.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อแกลลอน (ประมาณ 79 บาท)

    ราคาแก๊สก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องจ่ายค่าทำความร้อนส่วนกลางสูงขึ้นอย่างมาก

    อุปสงค์จากเอเชียยังได้ทำให้ราคาสูงขึ้นด้วย ประกอบกับช่วงฤดูหนาวในยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ปริมาณสำรองของแก๊สลดน้อยลง

    1. ขาดแคลนสินค้า ส่งผลต่อ ค่าครองชีพ

    ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันหลายอย่างพุ่งสูงขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ ผู้บริโภคที่ต้องอยู่แต่ที่บ้านในช่วงล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว ได้พากันซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเรือนและปรับปรุงบ้านใหม่ เพราะพวกเขาออกไปรับประทานข้าวนอกบ้านหรือไปเที่ยวไม่ได้

    ผู้ผลิตหลายรายในหลายพื้นที่อย่างในเอเชีย เผชิญกับการถูกบังคับให้ปิดตัวเนื่องจากข้อจำกัดป้องกันการระบาดของโควิด ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการนับตั้งแต่นั้น

    เรื่องนี้ได้นำไปสู่การขาดแคลนวัสดุต่าง ๆ อย่างพลาสติก คอนกรีต และเหล็ก ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ราคาไม้ในสหราชอาณาจักรสูงกว่าราคาปกติในปี 2021 มากถึง 80% และในสหรัฐฯ ราคาปรับตัวขึ้นเป็นกว่าสองเท่าของช่วงปกติ

    ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยเจ้าสำคัญของสหรัฐฯ อย่างไนกี้ (Nike) และคอสต์โก (Costco) ได้ปรับราคาสินค้าของตัวเองเพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากห่วงโซ่อุปทาน

    นอกจากนี้ยังมีการขาดแคลนไมโครชิป ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิตรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และสินค้าในครัวเรือนอื่น ๆ ด้วย

    ค่าครองชีพ 2

    1. ต้นทุนค่าขนส่งทางเรือ

    หลังการระบาดใหญ่ของโควิด มีความต้องการใช้บริการบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

    ทำให้ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยต้องจ่ายค่าขนส่งสินค้าเหล่านี้ไปยังร้านค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการผลักภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค

    ค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต 1 ตู้ จากเอเชียไปยุโรป ปัจจุบันอยู่ที่ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 560,000 บาท) หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10 เท่า โดยปีก่อนอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 49,000 บาท)

    นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมในการขนส่งสินค้าทางอากาศก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน และยังถูกซ้ำเติมจากปัญหาการขาดแคลนคนขับรถบรรทุกในยุโรปอีก

    คอขวดในการขนส่งสินค้าดูเหมือนจะผ่อนคลายลงในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว โดยสหรัฐฯ ได้แก้ปัญหาสินค้าตกค้างตามท่าเรือต่าง ๆ ของสหรัฐฯ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ได้สำเร็จ

    แต่โอมิครอนและการเกิดขึ้นของเชื้อกลายพันธุ์ตัวใหม่ของโรคโควิดในอนาคตอาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลงอีกครั้งได้

    1. ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น

    คนจำนวนมากลาออกจากงานหรือเปลี่ยนงานในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด

    ในสหรัฐฯ ข้อมูลกระทรวงแรงงานระบุว่า เดือนเม.ย. มีคนลาออกจากงานกว่า 4 ล้านคน เป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นสูงสุด

    ส่งผลให้ บริษัทต่าง ๆ เผชิญปัญหาในการสรรหาพนักงานอย่าง คนขับรถ เจ้าหน้าที่แปรรูปอาหาร และพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร

    การสำรวจผู้ค้ารายย่อยที่สำคัญ 50 แห่งในสหรัฐฯ พบว่า 94% กำลังมีปัญหาในการหาพนักงานมาเติมในส่วนที่ขาด

    ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องปรับขึ้นค่าจ้าง หรือเสนอเงินพิเศษเพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานไว้ แมคโดนัลด์ (McDonald’s) และแอมะซอน (Amazon) กำลังเสนอเงินพิเศษระหว่าง 200-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,600-33,000 บาท) ให้กับพนักงานเช่นกัน

    ต้นทุนด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ได้ถูกผลักภาระให้แก่ผู้บริโภคอีกเช่นกัน

    Next แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกระบุว่า แผนการปรับขึ้นราคาในปี 2022 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้นทุนค่าจ้างที่กำลังสูงขึ้น

    1. ผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ

    สภาพอากาศที่รุนแรงในหลายพื้นที่ของโลก มีส่วนทำให้เกิดเงินเฟ้อขึ้น

    ปริมาณน้ำมันทั่วโลกได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนไอดาและนิโคลัสที่เคลื่อนผ่านอ่าวเม็กซิโก และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำมันในสหรัฐฯ

    ปัญหาปริมาณความต้องการไมโครชิปเลวร้ายลงกว่าเดิม หลังจากที่พายุรุนแรงทำให้โรงงานสำคัญหลายแห่งปิดตัวลงในรัฐเทกซัสเมื่อปีที่แล้ว

    ต้นทุนกาแฟก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน หลังจากที่บราซิล ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลก เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อย หลังจากที่เผชิญกับภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบเกือบศตวรรษ


    ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
    วิธีแก้ปริศนา Diablo 4 การปฏิเสธภารกิจ
    วัคซีนเพื่อลูกรัก เด็กควรรับวัคซีนอะไรบ้าง
    เลือกสีทาผนังบ้าน ให้เข้ากับสีหลังคา
    แนวทางการแก้หนี้อย่างยั่งยืนของแบงก์ชาติ
    ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://visitlochewe.com/
    สนับสนุนโดย  ufabet369
    ที่มา www.bbc.com